บริการ: ตรวจสภาพ พรบ. ต่อภาษี ประกันภัย ฯ
บริการ: ตรวจสภาพ พรบ. ต่อภาษี ประกันภัย ฯ
ปัญหาที่ลูกค้าเจอ ถ้าเคยใช้สินค้านี้แล้ว ปัญหาที่เจอ คืออะไร?
ตอนที่ยังไม่ได้ใช้เจอปัญหาอะไร? ปัญหาที่รอการแก้ไขอยู่ คืออะไร?
ประสบการณ์การที่เคยใช้ เคยใช้ยี่ห้ออะไรมาบ้าง เคยใช้วิธีอะไรบ้างในการแก้ปัญหา? ใช้แล้วติดขัดเรื่องอะไรบ้าง? เมื่อก่อนไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้เป็นแบบไหนอยู่? ปัญหาในการใช้แบบเขียนมือ (Manual) มีอะไรบ้าง เช่น ช้า เกิดข้อผิดพลาด ลายมืออ่านไม่ออก ค้าหาเอกสารยาก เอกสารสูญหาย ฯ
ประสบการณ์เดิมในการทำงานเจอปัญหาอะไร? เช่น ปัญหาจากการใช้สินค้าเดิม หรือวิธีการเดิม คืออะไร?
คุณคาดหวังอะไรกับการซื้อครั้งนี้ครับ?
คาดหวังว่าจะให้แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? เช่น สร้างความน่าเชื่อถือ ลดต้นทุน เพิ่มผลกำไร ต้องการทำงานสะดวกขึ้นในกี่เปอร์เซ็น ฯ
การใช้คำถามเหล่านี้ จะทำให้รู้ปัญหาที่ลูกค้าเจอ รู้ถึงความคาดหวัง
รู้ประสบการณ์เดิมที่ลูกค้าใช้ รู้ว่าผู้ใช้งานต้องการอะไร และใช้คำถามนี้กับคนที่มีอำนาจตัดสินใจ
5 เทคนิค พัฒนาความมั่นใจให้กลายเป็นนักปิดการขาย
เป็นที่ปรึกษาเหมือนหมอ
การขายคือการให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับลูกค้า ฟังลูกค้าแล้วบอกว่าสินค้าไหนเหมาะสมกับเขา และจะช่วยแก้ปัญหาได้ดีที่สุด หรือ CNG
ลูกค้าจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุลในการตัดสินใจซื้อ
ลูกค้ายังไม่ตัดสินใจซื้อสินค้ามีหลายเหตุผล ดังนี้:
การตัดสินใจซื้อมักขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน แบ่งเป็น 5 แบบดังนี้:
สรุป การขายที่ดีคือการฟังปัญหาของลูกค้าให้มาก แล้วนำเสนอสินค้าที่ช่วยแก้ปัญหานั้นอย่างตรงจุด นอกจากนี้คุณต้องเข้าใจว่าลูกค้ามีแนวคิดหรือพฤติกรรม(จริต)แบบไหน เพื่อเลือกใช้วิธีพูดและการขายที่ตรงใจเขา เมื่อคุณทำได้ตามนี้ การปิดการขายก็จะไม่ไกลเกินเอื้อม อย่าปิดการขายในแบบที่คุณชอบ แต่ควรปิดการขายในแบบที่ลูกค้าต้องการ โดยการวิเคราะห์จริตของลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อให้การปิดการขายตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าอย่างแท้จริง
หลายคนบอกว่า เป็นคนพูดไม่เก่ง ขายไม่เป็น และขาดความมั่นใจเมื่อเจอลูกค้า เพราะรู้สึกตื่นเต้นหรือกลัว ไม่ชอบงานขาย ฉันเกลียดการขาย ไม่ชอบไปตื้อ ไม่ชอบง้อคน ความจริงคือเราทุกคนขายตัวเองในทุกๆวัน เช่น การจีบสาว หรือชวนเพื่อนไปกินข้าว ไปเที่ยว ซึ่งก็เป็นการขายในรูปแบบหนึ่ง การขายคือการโน้มน้าวให้คนอื่นเห็นคล้อยตาม จริงๆ แล้วคุณไม่ได้กลัวการขาย แต่คุณกลัวการถูกปฏิเสธ เพราะเมื่อโดนปฏิเสธจะทำให้คุณรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง
1.ขับรถวิ่งในแนวตรง ผ่านเครื่่องทดสอบ ด้วยความเร็วประมาณ 3-5 กม./ชม.
2. ขณะล้อหน้าผ่านเครื่องทดสอบ ประคองพวงมาลัยหรือปล่อยมือจากพวงมาลัย
ประสิทธิภาพห้ามล้อ | ||
---|---|---|
ห้ามล้อมือ | ห้ามล้อเท้า | ผลต่างของแรงห้ามล้อ |
แรงห้ามล้อทุกล้อรวมกันต้อง | แรงห้ามล้อทุกล้อรวมกันต้อง | ผลต่างของแรงห้ามล้อเท้าด้านขวาและด้านซ้าย |
ไม่น้อยกว่า 20% | ไม่น้อยกว่า 50% | ต้องไม่เกิน 25% |
ของน้ำหนัรถ | ของน้ำหนักรถ | ของแรงห้ามล้อสูงสุดในเพลานั้น |
การตรวจพินิจภายนอกรถ | |
---|---|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
การตรวจพินิจภายในรถ | |
---|---|
|
|
|
|
|
|
|
|
การตรวจพินิจใต้ท้องรถ | |
---|---|
|
|
|
|
|
|
|
|
1. ปรับเครื่องวัดให้ถูกต้อง 1.1 ปรับวงจรถ่งน้ำหนักไปที่ A 1.2 ปรับลักษณะความไวตอบรับเสียงไปที่ Fast
2. เดินเครื่องยนต์ให้อยู่ในอุณหภูมิใช้งาน และปิดเครื่องปรับอากาศ
3. วางไมโครโฟนสูงเท่ากับความสูงของปลายท่อไอเสีย แต่ต้องสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 0.2 เมตร ห่างจากปลายท่อไอเสีย 0.5 เมตร
แกนไมโครโฟนขนานกับพื้น และทำมุม 45 องศากับปลายท่อไอเสีย
4. ทำการวัด 2 ครั้ง ใช้ค่าที่วัดได้สูงสุดเป็นเกณฑ์ตัดสิน และค่าแตกต่างกันไม่เกิน 2 เดซิเบล เอ
5. กรณีค่าระดับเสียงจากการตรวจวัดทั้ง 2 ครั้ง แตกต่างกันเกิน 2 เดซิเบลเอ ให้ทำการวัดใหม่
ค่าระดับเสียง สูงสุดไม่เกิน 100 dBA รถที่จดทะเบียนก่อนปี 2557 ระดับเสียงสูงสุดไม่เกิน 95 dBA
1.ถ้าเป็นเครื่องยนต์ ดีเซล ให้เร่งเครื่องยนต์จนสุดคันเร่ง
2. ถ้าเป็นเครื่องยนต์เบนซินให้เร่งเครื่องยนต์จนมีความเร็วรอบสามในสี่ของรอบที่ให้กำลังม้าสูงสุดจนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบคงที่
ค่าระดับเสียง สูงสุดไม่เกิน 95 dBA
1.เครื่องยนต์ที่มีรอบให้กำลังม้าสูงสุดไม่เกิน 5,000 รอบต่อนาทีให้เร่งเครื่องยนต์จนมีความเร็วรอบสามในสี่ของรอบที่ให้กำลังม้าสูงสุด
จนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบคงที่
2. เครื่องยนต์ที่มีความเร็วรอบให้กำลังม้าสูงสุดเกิน 5,000 รอบต่อนาทีให้เร่งเครื่องยนต์
จนมีความเร็วรอบครึ่งหนี่งของรอบที่ให้กำลังม้าสูงสุด
จนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบคงที่
กระดาษกรอง(Filter) ค่าควันดำไม่เกิน 50%
ระบบวัดความทึบแสง(Opacity) ค่าควันดำไม่เกิน 45%
1. ทำความสะอาเครื่องวัดและทำการปรับเครื่องวัดให้พร้อมใช้งาน
2. จอดรถในตำแหนงเกียร์ว่าง ปิดเครื่องปรับอากาศและระบบท่อไอเสีย(ถ้ามี)
3. เดินเครื่องยนต์ให้อยู่ในอุณหภูมิใช้งาน
4.ทดสอบเหยียบคันเร่งอย่างช้าๆ จนสุดคันเร่ง ถ้าพบอาการผิดปกติให้หยุดการตรวจวัด
5. สอดหัววัดเข้าในท่อไอเสีย
6. เร่งเครื่องยนต์อย่างเร็วจนสุดคันเร่งและเก็บค่าควันดำ
7. ทำการวัด 2 ครั้งใช้ค่าที่วัดได้สูงสุด
8. กรณีค่าควันดำที่วัด 2 ครั้งแตกต่างกันเกินร้อยละ 5 ให้ทำการวัดใหม่
วิธีการตรวจวัดโคมไฟหน้า | |
---|---|
1.รถที่นำเข้าตรวจควรเป็นรถเปล่าไม่มีสิงของบรรทุก | |
2. จอดรถบนทางพื้นราบในตำแหน่งที่กำหนด | |
3.ปรับเครื่่องทดสอบให้ขนานกับหน้ารถ | |
4. เลื่อนเครื่่องทดสอบให้อยู่ในแนวตรงกับหน้าโคมไฟหน้า | |
5. วัดระยะห่างระหว่างโคมไฟหน้าและเครื่องทดสอบ (25-50 ซม.) วัดความสูงจากพื้นถึงจุดกึ่งกลางโคมไฟหน้าและเครื่องทดสอบ | |
6.ตรวจวัดโคมไฟแสงพุ่งไกลและแสงพุ่งต่ำ |
โคมไฟแสงพุ่งไกล | |
---|---|
|
|
|
|
|
|
|
โคมไฟแสงพุ่งต่ำ | |
---|---|
|
|
|
|
|
|
|
139 ม.5 ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม 44130
Tel: 094-952-9562 Line id: 9562opad