บริการ: โปรแกรมสำหรับ ตรอ.
บริการ: โปรแกรมสำหรับ ตรอ.
การสร้างความเป็นผู้นำด้วยตัวเอง 2 ส่วนหลัก
ความเป็นผู้นำภายใน: ควบคุมการตัดสินใจและการกระทำด้วยความคิดที่มีเหตุผล ไม่ตอบสนองตามอารมณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในสถานการณ์ต่างๆ
ความเป็นผู้นำภายนอก: การแสดงออกผ่านบุคลิกภาพและการสื่อสารที่ดี ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อความเป็นผู้นำภายในมั่นคง
เพื่อพัฒนาความเป็นผู้นำ ใช้ 6 วิธีนี้:
ควบคุมตัวเองได้ดี: คิดและตัดสินใจอย่างมีสติ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด: ยึดมั่นในหลักจริยธรรม
มีความคิดสร้างสรรค์: คิดริเริ่มและพัฒนาวิธีใหม่ๆ
มีทักษะการโน้มน้าว: ทำให้ผู้อื่นเห็นด้วยและสนับสนุนไอเดียของคุณ
กล้าตัดสินใจ: รับผิดชอบการตัดสินใจ
มีทักษะพัฒนาคน: โค้ชชิ่งผู้อื่นได้
การฝึกฝนเหล่านี้จะทำให้คุณเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง
การกล่าวทักทายให้ประทับใจตั้งแต่ “คำแรก”(คลิป)
คำแรกที่คุณเลือกพูดในการเปิดการนำเสนอสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วงต้นของการนำเสนอเป็นเวลาที่ผู้ฟังมีสมาธิและตั้งใจฟังคุณมากที่สุด! ถ้าคำแรกที่พูดออกไปเป็นคำฟุ่มเฟือยหรือไม่มีความหมาย จะทำให้เสียโอกาสทองไปโดยเปล่าประโยชน์
คำฟุ่มเฟือยเหล่านี้มักเกิดจากความตื่นเต้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขึ้นเวทีใหม่ๆ หรือเริ่มพูดต่อหน้าผู้ฟัง คุณอาจสังเกตเห็นคนรอบตัวมักเริ่มด้วยคำฟุ่มเฟือยแบบนี้เสมอ เช่น “ครับ… เอ่อ… ชื่อ…ก็….อ่า….” แม้จะฟังดูเล็กน้อย แต่หากปรับเปลี่ยนให้คำแรกของคุณที่มีความหมายและดึงดูด จะช่วยสร้างความประทับใจตั้งแต่เริ่มต้นได้ทันที คำฟุ่มเฟือย ในระหว่างการพูดควรหลีกเลี่ยงการใช้ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นความเคยชิน
เริ่มต้นด้วยคำที่มีความหมาย
ลองใช้คำที่สื่อถึงความรู้สึกดีและเหมาะสม เช่น
คำเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คุณดูมีความมั่นใจ แต่ยังสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้ฟังตั้งแต่ต้น
วิธีง่ายๆ คือมีสติ
ก่อนขึ้นเวที ให้เตือนตัวเองถึงคำแรกที่คุณจะพูด จำไว้ว่าจะเริ่มต้นด้วยคำที่มีความหมาย อย่าปล่อยให้ความตื่นเต้นครอบงำจนเผลอพูดคำที่ไร้ความสำคัญ
สรุป
ทุกครั้งก่อนการนำเสนอ ให้นึกถึงคำแรกที่คุณจะพูด เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างความประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น ใช้นาทีทองของการเปิดการนำเสนอเพื่อเชื่อมโยงกับผู้ฟัง ให้พวกเขาตกหลุมรักคุณตั้งแต่ “คำแรก”
การใช้กฎนี้ช่วยให้ผู้ฟังจดจ่อและมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น เนื้อหากระชับ ไม่ยืดเยื้อ และตัวอักษรที่ใหญ่จะดึงดูดความสนใจของผู้ฟังได้ดี
การนำเสนอที่ดีเริ่มจากการเตรียมตัวและฝึกซ้อมอย่างเพียงพอ ไม่ใช่แค่เรื่องเนื้อหา แต่ยังรวมถึงภาษากาย ภาษามือ และการใช้อวัจนภาษา และการควบคุมอารมณ์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการสื่อสาร
การเริ่มนำเสนอด้วยเรื่องราวที่โดนใจ หรือคำคมที่สะท้อนชีวิตผู้ฟัง ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมและความเชื่อมโยงตั้งแต่ต้น เทคนิคการเล่าเรื่อง (Storytelling) จะช่วยเพิ่มพลังให้การนำเสนอของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น
การแสดงออกถึงความกระตือรือร้นและพลังในการพูด ทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีส่วนร่วมและสนใจ หากคุณไม่แสดงความกระตือรือร้น ผู้ฟังอาจรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่จดจ่อกับเนื้อหา ไม่พูดวนไปวนมา มีมุขตลกบ้าง
ภาพถ่ายหรือภาพกราฟิกช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง และทำให้เนื้อหาเข้าใจง่ายขึ้น การจัดวางภาพที่เหมาะสมและสวยงามช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับการนำเสนอของคุณ
อย่าพูดอยู่ฝ่ายเดียว! ลองตั้งคำถามหรือเปิดโอกาสให้ผู้ฟังตอบกลับ จะช่วยให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วม และโฟกัสกับคุณมากขึ้น
การปรับระดับเสียงและน้ำเสียงในการพูดเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรฝึกนำเสนอในพื้นที่จริงกับเพื่อนหรือทีมงาน เพื่อดูว่าเสียงของคุณดึงดูดความสนใจหรือทำให้ผู้ฟังง่วง
ความเครียดสามารถส่งผลลบต่อการนำเสนอได้ ดังนั้น ควรผ่อนคลายและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ เพื่อให้การนำเสนอออกมามีชีวิตชีวาและสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับผู้ฟัง
นำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้และฝึกฝนบ่อยๆ รับรองว่าการนำเสนอของคุณจะน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น!
การเตรียมตัวพูดในที่ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ
การพูดในที่ชุมชนอาจดูน่ากังวลสำหรับหลายคน แต่หากคุณเตรียมตัวอย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้การพูดของคุณประสบความสำเร็จได้
เมื่อเตรียมตัวครบถ้วนแล้ว การพูดในที่ชุมชนจะกลายเป็นโอกาสที่ดีในการสื่อสารความคิดและสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟัง
โมเดล 4 ขั้นตอน ที่ช่วยให้คุณการตอบคำถามชัดเจนและน่าสนใจมากขึ้น
หัวหน้าถามว่า “คุณมองว่าสถานที่จัดประชุมควรเป็นที่ไหน?”
ตอบ:
การพูดในที่สาธารณะ เป็นทักษะที่สำคัญและสามารถทำได้ดีด้วยการฝึกฝนและเตรียมตัวอย่างเหมาะสม ขั้นตอนในการพูดในที่สาธารณะนั้นจะแบ่งออกเป็นหลายระยะ ตั้งแต่การวางแผนเนื้อหา จนถึงการลงจากเวที
ขั้นตอนแรกคือ การเตรียมเนื้อหา ควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการพูด โดยพิจารณาว่าสิ่งที่ต้องการสื่อสารคืออะไร และใครคือผู้ฟัง จากนั้นจัดเรียงเนื้อหาให้มีโครงสร้างที่ชัดเจน มีการเกริ่นนำ ตัวอย่าง และสรุปผล การฝึกซ้อมช่วยให้ผู้พูดมั่นใจมากขึ้น
ขั้นตอนเพื่อการพูด สรุปได้ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 คือการเตรียมตัวและวางแผน แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อที่จะพูดให้เพียงพอ ทำความเข้าใจกับรายละเอียดของเรื่องราว และเตรียมประเด็นหลักที่จะนำเสนอไว้ล่วงหน้า การจัดเรียงลำดับเนื้อหาให้เป็นระเบียบ จะช่วยให้ผู้ฟังติดตามและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงควรเตรียมสไลด์หรือวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้นำเสนอให้พร้อม
ขั้นตอนที่ 2 คือการฝึกฝน ควรฝึกพูดหน้ากระจกหรือกับเพื่อนเพื่อรับคำแนะนำ การฝึกฝนจะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงการเรียบเรียงคำพูด และช่วยลดความตื่นเต้นเมื่อต้องพูดจริง การตั้งเป้าหมายในการพูดและฝึกซ้อมตามเวลาเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความมั่นใจ
ควรเตรียมตัวก่อนล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาปรับตัวกับสถานที่และตรวจสอบอุปกรณ์ เสียงพูดและการนำเสนอ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบท่าทางการยืน การใช้มือประกอบการพูด และการใช้น้ำเสียงให้เหมาะสม
ระหว่างการพูด ควรรักษาความใจเย็น มองผู้ฟังเป็นจุดหยอด ยิ้มให้บ่อย การใช้การมองผู้ฟังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ไม่ควรอ่านจากโพยตลอดเวลา ใช้เพียงเปิดดูในกรณีที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ขาดความเป็นธรรมชาติ รับฟังคำถามและตอบอย่างตรงไปตรงมา สุภาพ และเป็นตัวของตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญ
เมื่อกล่าวจบ ควรเปิดโอกาสให้ผู้ฟังสอบถามหรือให้แสดงความคิดเห็น เป็นการเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยน ความร่วมมือกับผู้ฟังจะช่วยให้การนำเสนอเป็นไปอย่างกลมกลืนและมีประสิทธิผลมากขึ้น
การพูดในที่สาธารณะไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว เป็นทักษะที่พัฒนาได้ผ่านการฝึกฝนและ การเตรียมตัวอย่างต่อเนื่อง ระลึกถึงขั้นตอนและแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้การพูดมีประสิทธิภาพมากและเกิดความสำเร็จในอนาคต
แพมเล่าปัญหา
แพม อายุ 28 ปี ตำแหน่งนักเขียนคอนเทนต์ มีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกับหัวหน้า ซึ่งทำให้รู้สึกอยากลาออก หัวหน้าของแพมมักสั่งงานคลุมเครือ เปลี่ยนใจบ่อย ต้องแก้ไขงานซ้ำ และบางครั้งพูดจาแรงจนเสียกำลังใจ ทำให้แพมไม่แฮปปี้กับการทำงาน และเกิดคำถามว่า ควรจัดการอย่างไร
คำแนะนำจากพี่ชุ
พี่ชุ มองปัญหานี้ใน 2 มุม คือมุมของลูกน้องและมุมของหัวหน้า พร้อมให้ข้อคิดและแนวทางการรับมือ
ปัญหาความสัมพันธ์กับหัวหน้าอาจเป็นบททดสอบที่ท้าทาย แต่น้องแพมควรใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาตัวเองและมองหาหนทางที่เหมาะสมที่สุด หากวันนี้ยังต้องอยู่กับหัวหน้าที่ไม่ใช่ การพัฒนาความสามารถจนถึงจุดที่ “เราเป็นผู้เลือก” จะช่วยให้อนาคตของแพมมีทางเลือกที่ดีกว่า
พี่ชุส่งกำลังใจ: ขอให้น้องแพมอดทน สร้างผลงาน และพัฒนาตัวเองต่อไป เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น สู้ๆ!
5 คุณสมบัติของหัวหน้าให้ปลอดจาก “ความสัมพันธ์เชิงลบ” (คลิป)
จะต้องเป็นแบบอย่าง(Role model) ให้คนทำตาม สร้างความสัมพันธ์เชิงบวก สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ลดความตึงเครียด ช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
**7 สิ่งที่คนสำเร็จทำกัน** (คลิป)
คนสำเร็จมักมีแนวทางและวิธีการที่ส่งผลให้พวกเขาก้าวหน้าในชีวิต การเข้าใจและนำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยให้เราเดินหน้าอย่างมั่นคง เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งหลัก 7 ข้อง่าย ๆ ที่คนสำเร็จทำมีดังนี้
**1. วางแผนแต่ละวัน อย่างมีเป้าหมายและลงมือทำ**
คนสำเร็จมักเริ่มต้นวันด้วยการวางแผนที่มีเป้าหมายชัดเจน พวกเขาโฟกัสที่การทำงานให้เกิดผลลัพธ์และผลผลิต ไม่ใช่แค่ทำงานที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา บางครั้งคนที่ดูยุ่งไม่ได้แปลว่าทำงานมีประสิทธิผล ดังนั้น ควรเลือก ” Productive” แทนที่จะเลือก “Busy”
**2. กล้าก้าวออกจาก Comfort Zone**
ความสำเร็จมักเริ่มต้นจากการเผชิญหน้ากับความรู้สึกไม่สบายใจ ความกังวลในช่วงแรก หากเรากล้าออกจาก Comfort Zone บ่อยครั้ง ความอึดอัดนั้นจะค่อยเริ่มลดลง และเราเรียนรู้ที่จะเติบโต คนสำเร็จไม่ได้กลัวความล้มเหลว แต่กลับมองว่าเป็นโอกาสพัฒนาตนเอง
**3. แวดล้อมกับคนที่เก่งและคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน**
การอยู่ในกลุ่มคนที่มีความคิดหรือเป้าหมายเดียวกันจะช่วยยกระดับตนเอง ในบางกรณี หากเราไม่สามารถหาโอกาสแบบนี้ได้ ก็ควรสร้างกลุ่มคนสำเร็จขึ้นมาเอง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
**4. โฟกัสที่ภาพใหญ่ หรือ เป้าหมายใหญ่สุด**
แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย คนสำเร็จมักมองเป้าหมายใหญ่ในระยะยาว แต่พวกเขาก็จะแยกย่อยเป้าหมายให้อยู่ในขอบเขตที่จัดการได้ เพื่อไม่ให้รู้สึกเหนื่อยล้าหรือท้อแท้ การทำเป้าหมายเล็ก ๆ สำเร็จทีละขั้นยังช่วยสร้างความมั่นใจในการเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่
**5. หยุดเมื่องานเสร็จ **
การผลัดวันประกันพรุ่งเหมือนการสะสมหนี้ เช่น บัตรเครดิต สบายใจตอนรูด หนักใจตอนชำระหนี้ เราอาจรู้สึกสบายใจตอนแรก แต่ปัญหาจะย้อนกลับมากระทบในภายหลัง คนสำเร็จไม่ปล่อยให้ความกลัวมาหยุดกั้น แต่กลับใช้ความกลัวสร้างแรงผลักดันเพื่อเดินหน้าต่อ เรามีการทำงานที่เป็นระบบ มีการวางแผน เราเขียนแผนให้ชัดเจน คนที่มีระบบ เป็นคนที่มีระเบียบ เป็นคนที่มีแผนงานที่ชัดเจน สิ่งนี้จะแสดงออกทุกสารพางค์ทั่วร่างกายของคุณ คือ มันจะสื่อออกมาเป็นภาษากาย คำพูด ทางสายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แล้วสิ่งนี้ มันจะเป็นเรื่องของกฎแรงดึงดูด เมื่อคุณพัฒนาตัวเอง มันจะดึงดูดคนที่สำเร็จมาหาคุณ คนสำเร็จจะมองคุณออก และอยากจะอยากร่วมงานกับคุณ
**6. เรียนรู้และฝึกฝนอย่างมีระบบ**
การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนสำเร็จ พวกเขามีระเบียบวินัยทั้งในความคิด การวางแผน และการลงมือทำ การเช็คลิสต์เป็นเครื่องมือช่วยตรวจสอบความคืบหน้าของงานในแต่ละวัน ทำให้การทำงานเป็นระบบและสามารถพัฒนาตนเองได้ต่อเนื่อง จงใช้ชีวิตในแต่ละวันประหนึ่งว่าเป็นวันสุดท้ายของชีวิต และจงเรียนรู้ประหนึ่งว่าคุณมีชีวิตอยู่ชัวนิรันดร์ คือ ใช้ชีวิตให้มีคุณค่า มีความหมาย โอบกอดความรัก ความปราถนาดีต่อผู้คน เรียนรู้ตลอดเวลา อย่าหยุดเรียนรู้ เพราะโลกไม่เคยหยุดสอน โลกให้บทเรียนเราเสมอ คนสำเร็จจะออกจาก Comport Zone → Fear Zone → Learning Zone → Growth Zone
**7. ไม่ยอมแพ้อุปสรรคหรือความท้าทาย**
อุปสรรคเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คนสำเร็จเลือกหาทางแก้ไขและก้าวข้ามไป แทนที่จะหยุดอยู่ที่เดิม ความท้าทายเป็นสิ่งที่ทำให้เราพัฒนา หากทำแต่สิ่งที่ง่ายเกินไป เราจะไม่เติบโต เราจะไม่เห็นศักยภาพที่แท้จริงในตัวเอง
กล่าวโดยสรุป
อย่าลืมว่า “คนธรรมดาจะล้มเหลวเพราะปล่อยให้ความกลัวหยุดเขา ในขณะที่คนสำเร็จทำต่อไปแม้ยังกลัวอยู่” ดังนั้น หากคุณต้องการสร้างความสำเร็จ ลงมือทำตั้งแต่วันนี้และไม่หยุดที่จะเรียนรู้เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคในทุกวัน
139 ม.5 ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม 44130
Tel: 094-952-9562 Line id: 9562opad