บริการ: โปรแกรมสำหรับ ตรอ.
บริการ: โปรแกรมสำหรับ ตรอ.
นักขายที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ได้มาจากพรสวรรค์ แต่เกิดจาก “พรแสวง” หรือความพยายามและการฝึกฝนอย่างมีวินัย เซลล์หลายคนเคยเป็นนักขายที่ไม่เก่ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการฝึกซ้อม จึงสามารถพัฒนาตนเองได้ เช่น คริสเตียโน โรนัลโด้ และเขาทราย แกแล็กซี่ ที่ใช้ความพยายามจนก้าวสู่ความสำเร็จ
การตั้งค่าทีมขายเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ โดยต้องคำนึงถึง กระบวนการขาย เป้าหมาย งบประมาณ และ ความต้องการของผู้บริหาร เพื่อให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
การจัดการกระบวนการขายอย่างเหมาะสมช่วยให้ทีมขายทำงานได้อย่างราบรื่น ควรศึกษากระบวนการที่เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของตัวเอง เช่น
ความแตกต่างในกระบวนการของแต่ละธุรกิจอาจต้องการวิธีการบริหารทีมขายที่หลากหลาย การปรับแต่งกระบวนการให้เข้ากับธุรกิจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้ทีมขายมีทิศทางในการทำงานและเพิ่มความสามารถในการบรรลุยอดขาย เช่น
เป้าหมายที่ดีไม่เพียงแต่สร้างแรงจูงใจให้ทีมขาย แต่ยังช่วยผู้บริหารมองเห็นภาพรวมของธุรกิจและวางแผนจัดการทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
การจัดการงบประมาณอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ธุรกิจสามารถลงทุนในทีมขายได้อย่างเหมาะสม เช่น
ธุรกิจที่ดูเหมือนเติบโตอาจมีปัญหาการขาดทุนหากไม่มีการจัดการงบประมาณอย่างเหมาะสม ดังนั้น การควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตที่ยั่งยืน
ความต้องการและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารมีบทบาทสำคัญในการตั้งค่าทีมขาย เช่น
การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีช่วยสร้างความเชื่อมั่นในทีมขาย และช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น
การตั้งค่าทีมขายที่ดีเป็นมากกว่าแค่การจัดโครงสร้างทีม แต่ต้องมองในมุมมององค์รวมที่รวมถึงการบริหารจัดการ การสนับสนุน และการสร้างแรงจูงใจในทีมเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
การขายสามารถแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ซึ่งนักขายควรพัฒนาตนเองจากระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูงสุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง มีรายละเอียดดังนี้:
นี่คือระดับเริ่มต้นที่นักขายส่วนใหญ่ต้องผ่าน โดยเน้นการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของลูกค้า ซึ่งมักจะเป็นกรณีที่ลูกค้าเป็นฝ่ายติดต่อเข้าหาเรามาเอง เช่น การซื้อขายออนไลน์ที่ลูกค้าจะเป็นการตอบแชท นักขายมีหน้าที่ ให้ที่ให้ข้อมูลสินค้าที่ชัดเจน จัดการออเดอร์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่าย การขายในระดับนี้ไม่ต้องใช้ความพยายามในการโน้มน้าวใจมากนัก
ในระดับนี้ นักขายต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าจดจำและกลับมาใช้บริการซ้ำ สร้างความใกล้ชิดและการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของนักขาย นักขายมีบทบาทสำคัญในการทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจและไว้วางใจ เพิ่มโอกาสการขายระยะยาว
นักขายต้องมีความรู้ ความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับสินค้า สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและตอบคำถามลูกค้าได้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ช่วยสร้างความมั่นใจในตัวสินค้าและบริการ ซึ่งจะนำไปสู่ความไว้วางใจในตัวนักขายเอง มีการสื่อสารที่ดีและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
นักขายต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และเสนอคุณค่าที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด โดยไม่เพียงแต่เน้นการแก้ปัญหา แต่ยังสร้างโอกาสและความสุขให้กับลูกค้า ความสามารถในการนำเสนอคุณค่าอย่างชัดเจนจะช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความประทับใจในระยะยาว
นี่คือระดับสูงสุดของการขาย ซึ่งนักขายจะกลายเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในระยะยาว การสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและการเข้าใจเป้าหมายของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ นักขายที่เชี่ยวชาญในระดับนี้ สามารถจัดการงบประมาณหรือข้อจำกัดต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเป็นพันธมิตรที่แท้จริงช่วยให้ลูกค้าเห็นคุณค่าจากการลงทุนและสร้างความไว้วางใจในระยะยาว
นักขายที่พัฒนาไปถึงระดับสูงสุดจะช่วยให้ลูกค้าประทับใจและเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นขั้นตอนแรกที่นักขายต้องเริ่มต้น โดยการสร้างฐานรายชื่อลูกค้าที่มีศักยภาพ การใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตสามารถช่วยค้นหาข้อมูลลูกค้าได้ง่ายและรวดเร็ว นักขายควรวางแผนการหาลูกค้าให้มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างโอกาสในการนำเสนอสินค้าในอนาคต
การติดต่อลูกค้าเป็นอีกหนึ่งกระบวนการสำคัญในงานขาย เป็นขั้นตอนโทรหาลูกค้าใหม่ (Cold Calling) หรือการตอบข้อความในช่องทางออนไลน์ การติดต่อครั้งแรกนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสนใจในสินค้าและบริการของเรา การพูดคุยอย่างมืออาชีพและเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในสินค้าและบริการ การพูดคุยต่อหน้าหรือการติดตามผลหลังการติดต่อเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างพื้นฐานสำหรับการขายในระยะยาว
นักขายต้องเตรียมตัวอย่างดี ทำให้ลูกค้าเห็นว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากเรา ได้คุณค่าอะไรจากเรา การรู้จักจุดเด่นและประโยชน์ของสินค้าอย่างชัดเจนจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า การนำเสนออย่างมั่นใจและชัดเจนช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น
ในขั้นตอนนี้ นักขายต้องแสดงความเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้า การเจรจาต่อรองที่ดีจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ การเตรียมข้อมูลและข้อเสนอที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือ
การปิดการขายต้องอาศัยความมั่นใจและความกล้าในการสื่อสาร นักขายควรรู้จักการใช้ประโยคกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น การเสนอโปรโมชั่นหรือสิทธิพิเศษ การเตรียมตัวและการทำใจให้พร้อมจะช่วยให้กระบวนการปิดการขายเป็นไปอย่างราบรื่น
หลังจากปิดการขาย การดูแลและรักษาลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว การให้บริการที่ดีและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำและสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคง
การเข้าใจและดำเนินการ 7 ขั้นตอนการขายอย่างเป็นระบบ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการประสบความสำเร็จในงานขาย นักขายควรพัฒนาทักษะและความสามารถในแต่ละขั้นตอนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและตัวเอง
การเตรียมตัว การใช้คำพูดอย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจจิตวิทยาลูกค้า และการสร้างความสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย
ทักษะการโทรทำนัดหมาย
เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
การเตรียมตัวก่อนการขาย
สมาธิและการแสดงออกเวลาโทร
การสร้างความมั่นคงทางการเงิน
การใช้การแนะนำเพื่อเพิ่มยอดขาย
เทคนิคการปิดนัดหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
การวางแผนเงินสำรองและสร้างความเชื่อมั่นในอนาคต
สรุป: การโทรทำนัดเป็นทักษะสำคัญที่ต้องใช้ความพร้อม ความมั่นใจ และความจริงใจ ควบคู่ไปกับการวางแผนที่ดี ทั้งนี้เพื่อสร้างความไว้วางใจจากลูกค้าและโอกาสในการขายที่มากขึ้นในยุคโควิด
การถามคำถาม จะต้องมีเทคนิค หมายความว่า เราไม่สามารถที่จะไปทำแบบ ทื่อๆตรงๆ ได้ ถ้าเราจะต้องการถามคำถามเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า แล้วเราเดินไป ถามตรงๆ อยากรู้อะไร ก็ถามไปเลย เราอาจจะไม่ได้คำตอบที่เราต้องการ เช่น ครอบครัวของคุณพี่มีกี่คนครับ อยู่เวลาไหน ปกติใช้จ่ายอยู่เท่าไหร่ หรือมีงบสำหรับซื้อสินค้าตัวนี้อยู่กี่บาท การถามแบบนี้ มันคือ Checklist แล้วปัญหาก็คือ บางครั้งเราเติม Checklist ของเรามาได้ไม่เต็ม หรือ บางครั้งที่ได้มาอาจจะไม่ตรงตามความเป็นจริง ทำให้ข้อมูลที่ได้ เอามาใช้ในการวางแผนการขายแล้วมันไม่ได้ผล หนักกว่านั้น คือ ได้ข้อมูลมาโดยไม่รู้ความคิดของลูกค้า อันนี้ถือว่าค่อนข้างสุ่มเสี่ยงมาก เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้เราจะวางแผนการขายให้ได้ผล การถาม คำถามเราก็ต้องมีเทคนิค มีลีลาและมีชั้นเชิงด้วยเพราะเรื่องของการถามคำถาม โดยส่วนใหญ่ มันจะมี เลเยอร์ หรือ ชั้นผิวของการถาม คือ ชั้นผิวตื้น กลาง และ ชั้นผิวลึก
การถามคำถามอย่างมีเทคนิคและชั้นเชิง ในการเก็บข้อมูล
การถามคำถามต้องใช้เทคนิคและหลักการ ไม่ใช่แค่การถามตรงๆ แบบ ทื่อๆ ตรงๆ เพราะการถามที่ไม่มีชั้นเชิงอาจส่งผลให้ได้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงตามความเป็นจริง ทำให้ไม่สามารถนำไปใช้วางแผนการขายได้
คำถามเหล่านี้เป็นเหมือน checklist ที่ดูเหมือนจะช่วยเก็บข้อมูลได้ครบถ้วน แต่ในทางปฏิบัติ มักเกิดปัญหาต่อไปนี้:
สรุป
การถามคำถามไม่ได้เป็นแค่การเก็บข้อมูล แต่เป็นศิลปะที่ต้องอาศัยทั้งเทคนิค ลีลา และชั้นเชิง การตั้งคำถามอย่างเหมาะสมในแต่ละระดับจะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง และสามารถวางแผนการขายได้อย่างมีประสิทธิผล
การตั้งคำถามเพื่อการขาย: การเข้าใจ “ชั้นผิวของคำถาม”
ชั้นผิวของคำถาม เปรียบเสมือนการค่อยๆ เปิดประตูเพื่อเข้าถึงใจของลูกค้า โดยคำถามสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นผิวตื้น, ชั้นผิวกลาง, และชั้นผิวลึก แต่ละชั้นมีจุดมุ่งหมายและวิธีการที่ต่างกัน ดังนี้:
ลักษณะ: คำถามทั่วไปที่ไม่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว เป็นมิตร และช่วยเริ่มบทสนทนา ใช้เพื่อลดความเกร็งและทลายกำแพงระหว่างผู้ขายกับลูกค้า
ตัวอย่างคำถาม:
เป้าหมาย:
สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและดึงความสนใจของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่มีท่าทีปิดกั้นหรือไม่อยากพูดคุย
ข้อควรระวัง:
คำถามเหล่านี้มักไม่ได้ให้ข้อมูลสำคัญที่นำไปใช้ในการปิดการขายโดยตรง แต่ช่วยสร้างพื้นฐานของความสัมพันธ์ก่อนเข้าสู่คำถามที่ลึกขึ้น
ลักษณะ:
คำถามที่เริ่มเข้าไปสู่ความสนใจและความต้องการของลูกค้า โดยมุ่งตรวจสอบเกณฑ์การพิจารณาและแนวโน้มการตัดสินใจซื้อ
ตัวอย่างคำถาม:
เป้าหมาย:
ข้อควรระวัง:
คำถามในระดับนี้อาจถูกมองว่าล่วงล้ำ ล่วงเกิน ละลาบละล้วง หากถามเร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ
ลักษณะ:
คำถามเชิงลึกที่มุ่งเน้นเข้าใจปัญหา แรงจูงใจ และข้อกังวลของลูกค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอวิธีแก้ไขที่ตรงจุด
ตัวอย่างคำถาม:
เป้าหมาย:
ข้อควรระวัง: คำถามลักษณะนี้ต้องอาศัยความไว้วางใจสูง ลูกค้าต้องเปิดใจให้เราก่อน จึงต้องใช้คำถามชั้นตื้นและกลางนำมาก่อน
การขายที่ดีต้องอาศัยทักษะการตั้งคำถามอย่างเหมาะสม
การเลือกคำถามที่เหมาะสมในแต่ละบริบท ไม่เพียงช่วยให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น แต่ยังสร้างความประทับใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าอีกด้วย
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ในการบริหารทีมงาน ว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ นอกช่วยให้ปิดการขายได้ ยังช่วยให้ทีมขายมีความสุขในการทำงาน ลดความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งภายในทีม ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริหารและหัวหน้าทีมขาย ทั้งที่มีลูกน้องและไม่มี โดยเฉพาะผู้ที่ต้องประสานงานกับคนอื่นๆ ทั้งในและนอกองค์กร หากเราต้องการความร่วมมือจากคนอื่น เราจะสื่อสารกับเขาอย่างไรให้เขาเห็นภาพเดียวกับเราเกี่ยวกับการขาย? เพราะแต่ละคนมีเป้าหมายต่างกัน สิ่งนี้จะช่วยให้เราเข้าใจและสามารถนำไปปรับใช้ในการนำเสนองานและสินค้ากับลูกค้าได้ เพื่อให้เขาเห็นภาพเดียวกับเรา ประเด็นสำคัญในการขายที่เราต้องรู้ หลายครั้งนักขายอาจจะเผลอชะล่าใจ คิดว่าลูกค้าไม่หนีไปไหนหรอก และคาดหวังว่าเขาจะกลับมาซื้อซ้ำ แต่ในความจริง ลูกค้าอาจไปซื้อกับคู่แข่งแล้ว เพราะเราไม่ได้ Follow up ลูกค้า สิ่งนี้ทำให้เสียโอกาสในการขายไป เราจะมาดูกันว่า ทำไมลูกค้าบางคนถึงยินดีให้ความร่วมมือกับเรา ในขณะที่บางคนกลับไม่ค่อยอยากร่วมมือและมีท่าทีขวางกั้นเรา เรื่องการขายไม่ใช่แค่การอธิบายสินค้าให้ลูกค้าฟัง แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า ทำไมลูกค้าถึงไม่อยากคุยกับนักขายตั้งแต่แรก ซึ่งทำให้เราไม่มีโอกาสในการนำเสนอสินค้า สิ่งสำคัญที่สุดในการประเมินการขายคือการประเมินตัวเราเองว่า เวลานำเสนอขายสินค้าแล้วไม่ได้ผลตามที่เราคาดหวัง อาจเป็นเพราะลูกค้ามีมุมมองที่ไม่ตรงกับเรา
ระดับของการขาย (Level of Selling)
การขายเหมือนการเล่นเกมที่มีระดับความยาก ตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงระดับยาก การเพิ่มทักษะในการขายจะทำให้เราสามารถรับมือกับลูกค้าได้ดีขึ้นและปิดการขายได้
ระดับที่ 0 : Admin E-Commerce ระดับนี้ลูกค้าจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องคุยด้วย เช่น การซื้อใน Lazada, Shopee ลูกค้ารู้สึกว่าเขาเข้าใจในตัวสินค้าดีแล้ว แค่อยากรู้ว่ามีของไหม ส่งให้ได้เมื่อไหร่ ลูกค้าเปรียบเทียบราคามาแล้ว ระดับนี้ไม่ถือว่าเป็นนักขาย เป็นตำแหน่งผู้ประสานงาน ปกติจะมี Ai หรือ Chatbot คอยตอบอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้คน
ระดับที่ 1: Transaction Selling การขายในระดับนี้คือการทำให้ธุรกรรมเกิดขึ้นและสำเร็จ เช่น การเข้าไปฝากเงินที่ธนาคาร หรือการให้ข้อมูลราคาและรายละเอียดสินค้าให้ลูกค้าฟัง โดยไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวหรือสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า
ระดับที่ 2: Relationship Selling การขายในระดับนี้คือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้สนิทสนมและรู้จักกันมากขึ้น ลูกค้าจะไม่อยากสนทนากับเราทันที แต่เราต้องทำให้เขารู้สึกว่าเราคือมนุษย์ ไม่ใช่แค่เครื่องจักรขายของ การสร้างความสัมพันธ์จะทำให้เราได้รับข้อมูลจากลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเดาทางลูกค้าได้แม่นยำขึ้น และเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราให้ความสำคัญกับเขา และพร้อมที่จะดูแลและให้บริการเขา ทำให้เขาอยากซื้อสินค้ากับเราในที่สุด
ระดับที่ 3: Detail Selling ในระดับนี้ นักขายต้องมีความรู้ลึกและความแม่นยำเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ตัวเองขาย สามารถตอบคำถามลูกค้าได้ทันทีเมื่อมีข้อสงสัย ถ้าลูกค้าถามอะไรแล้วเราไม่สามารถตอบได้ทันทีหรือบอกว่า “ขอไปหาข้อมูลก่อน” เราอาจพลาดโอกาสในการปิดการขาย เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าเราไม่พร้อมหรือไม่เชี่ยวชาญในสิ่งที่ขาย ซึ่งอาจทำให้เขาถอยห่างจากการซื้อสินค้า หากนักขายสามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างมั่นใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับประโยชน์จากการพูดคุยกับเรา ลูกค้าก็จะไว้วางใจและรู้สึกเชื่อถือเราเพิ่มขึ้น การนำเสนอสินค้าโดยการแสดงคุณสมบัติที่ละเอียดและตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ โดยการอธิบายให้ลูกค้ารู้ว่า เมื่อใช้สินค้าตัวนี้แล้วเขาจะได้อะไร เช่น ความสะดวกสบายหรือผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการซื้อสินค้านี้เป็นการตัดสินใจที่ดีและมีประโยชน์ต่อเขา การที่ลูกค้ารู้สึกสนิทและได้รับประโยชน์จากการพูดคุยกับเรา จะทำให้มีโอกาสในการปิดการขายมากขึ้น แต่หากเราเป็นฝ่ายพูดมากเกินไปโดยไม่ได้รับข้อมูลจากลูกค้าอย่างเพียงพอ การปิดการขายอาจไม่สำเร็จได้ แม้ว่าลูกค้าจะรู้สึกดีแต่ยังไม่พร้อมตัดสินใจ
ระดับที่ 4: Value Selling การขายในระดับนี้เน้นการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ซึ่งบางครั้งแม้ว่าลูกค้าจะเข้าใจข้อมูลทั้งหมดที่เราให้ไป แต่ในช่วงเวลาตัดสินใจ เขาอาจยังรู้สึกว่าไม่จำเป็นหรืออยากคิดอีกสักพัก การนำเสนอคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับจากสินค้า หรือประโยชน์ที่เขาจะได้จากการตัดสินใจซื้อจึงสำคัญมาก การขายคุณค่าของสินค้า จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่า สินค้าหรือบริการที่เราเสนอไม่เพียงแค่ตอบสนองความต้องการ แต่ยังช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตเขา เช่น การช่วยแก้ปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของเขา ทักษะสำคัญในระดับนี้คือการเข้าใจ Pain Point (จุดเจ็บปวด) และ Gain Point (จุดที่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม) ของลูกค้า เมื่อเราเข้าใจความต้องการและปัญหาของลูกค้าได้ดี เราก็สามารถนำเสนอสินค้าได้ตรงจุด และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้สูงขึ้น
ระดับที่ 5: Partnership Selling ในระดับนี้ นักขายไม่เพียงแค่ขายสินค้า แต่เป็นเหมือนคู่คิดและคู่ค้าที่ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมาย การขายแบบนี้ คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า จนลูกค้าเห็นว่าเราเป็นที่ปรึกษาและพันธมิตรที่ไว้ใจได้ เมื่อใดที่ลูกค้าต้องการคำแนะนำหรือมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เขาจะคิดถึงเราเป็นอันดับแรก เมื่อลูกค้าเห็นว่าเรามีความรู้และสามารถช่วยเขาในระยะยาวได้ เขาจะไม่มองว่าเราคือนักขาย แต่จะมองว่าเราคือเพื่อนที่ช่วยเขาในธุรกิจหรือชีวิตส่วนตัวของเขา การสร้างความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อถือและไว้วางใจเราอย่างยาวนาน จนกลายเป็นลูกค้าประจำที่มักกลับมาซื้อซ้ำ การขายในแต่ละระดับมีความสำคัญและเฉพาะตัวที่ต่างกัน ตั้งแต่การทำธุรกรรมง่ายๆ ไปจนถึงการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับลูกค้า การพัฒนาทักษะในแต่ละระดับจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า
เคล็ดลับเพิ่มเติมจากเพจกูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน:
ในการสัมภาษณ์ผู้สมัครตำแหน่งพนักงานขาย สิ่งสำคัญคือการเจาะลึกใน 5 ประเด็นหลัก เพื่อทำความเข้าใจตัวตน ประสบการณ์ และศักยภาพของผู้สมัคร ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่าเขาเหมาะสมที่จะร่วมงานกับเราหรือไม่
ควรสอบถามถึงความเข้าใจและประสบการณ์ของผู้สมัครในกระบวนการขาย เช่น
ควรตรวจสอบปริมาณงานที่ผู้สมัครเคยรับผิดชอบ เช่น
ประเมินความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ผู้สมัครเคยขาย รวมถึงทักษะการนำเสนอสินค้า
ตรวจสอบพฤติกรรมการทำงาน เช่น
ควรทำความเข้าใจแรงจูงใจที่ผลักดันผู้สมัครให้เลือกทำงานฝ่ายขาย
หากเราสามารถเจาะลึกใน 5 ประเด็นนี้ได้ครบถ้วน เราจะมีโอกาสสูงมาก ในการเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม มีศักยภาพ และสามารถทำงานร่วมกับทีมของเราได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องคอยกระตุ้นหรือผลักดันตลอดเวลา การคัดเลือกอย่างละเอียดนี้จะช่วยสร้างทีมขายที่มีประสิทธิภาพและพร้อมต่อความท้าทายในอนาคต
ตำแหน่งงานฝ่ายขาย เช่น Sales Executive, Sales Representative, Sales Supervisor, Sales Manager และ Sales Director ซึ่งแต่ละตำแหน่งมีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกัน การเติบโตในสายงานสามารถเป็นได้ทั้งแบบ แนวดิ่ง (เลื่อนตำแหน่ง) และ แนวราบ (ขยายบทบาทในหน้าที่เดิม) ขึ้นอยู่กับทักษะและความสามารถของแต่ละคน
ตำแหน่งงานฝ่ายขายมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ ความเข้าใจบทบาทและความสามารถที่เหมาะสมในแต่ละตำแหน่งเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกผู้สมัคร และสร้างทีมขายที่แข็งแกร่งเพื่อผลักดันการเติบโตในอนาคต
การตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับสินค้าใหม่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง ควรพิจารณาทั้งฐานลูกค้าเก่าและการขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยทั่วไป ยอดขายจากลูกค้าเก่ามักคาดการณ์ที่ 25-40% ขณะที่ลูกค้าใหม่อยู่ที่ 5-20% การตั้งเป้าที่สมเหตุสมผลช่วยลดความเสี่ยงด้านสต๊อกสินค้าและปัญหาการเงิน
การตั้งเป้าหมายสำหรับสินค้าใหม่เป็นการผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล การพิจารณาฐานลูกค้าเก่า และการขยายตลาดอย่างระมัดระวัง การตั้งเป้าที่สมเหตุสมผลและอิงข้อมูลจริงจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
งานเซลส์แต่ละตำแหน่งมีบทบาทและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ตั้งแต่นักขายที่มุ่งหาลูกค้าใหม่ ไปจนถึงผู้จัดการฝ่ายขายที่บริหารทีมเพื่อผลักดันยอดขาย ความสำเร็จในสายงานนี้ต้องอาศัยทักษะเฉพาะตัว ความสามารถเชิงรุก และการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ
งานเซลส์เป็นตำแหน่งที่หลากหลายและต้องการทักษะเฉพาะทางที่แตกต่างกัน การคัดเลือกบุคลากรให้เหมาะสมกับตำแหน่งและบทบาทจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย รวมถึงสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของธุรกิจ
งานเซลส์แต่ละตำแหน่งมีบทบาทและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ตั้งแต่นักขายที่มุ่งหาลูกค้าใหม่ ไปจนถึงผู้จัดการฝ่ายขายที่บริหารทีมเพื่อผลักดันยอดขาย ความสำเร็จในสายงานนี้ต้องอาศัยทักษะเฉพาะตัว ความสามารถเชิงรุก และการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ
งานเซลส์เป็นตำแหน่งที่หลากหลายและต้องการทักษะเฉพาะทางที่แตกต่างกัน การคัดเลือกบุคลากรให้เหมาะสมกับตำแหน่งและบทบาทจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย รวมถึงสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของธุรกิจ
การตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับสินค้าใหม่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง ควรพิจารณาทั้งฐานลูกค้าเก่าและการขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยทั่วไป ยอดขายจากลูกค้าเก่ามักคาดการณ์ที่ 25-40% ขณะที่ลูกค้าใหม่อยู่ที่ 5-20% การตั้งเป้าที่สมเหตุสมผลช่วยลดความเสี่ยงด้านสต๊อกสินค้าและปัญหาการเงิน
การตั้งเป้าหมายสำหรับสินค้าใหม่เป็นการผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล การพิจารณาฐานลูกค้าเก่า และการขยายตลาดอย่างระมัดระวัง การตั้งเป้าที่สมเหตุสมผลและอิงข้อมูลจริงจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
139 ม.5 ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม 44130
Tel: 094-952-9562 Line id: 9562opad