14 คำถามที่ควรถามลูกค้า

  1. ความท้าทายของธุรกิจ: อะไรคือความท้าทายในธุรกิจสถานตรวจสภาพรถของลูกค้า?
  2. ความสำคัญของโปรแกรม: ฟีเจอร์อะไรในโปรแกรมที่ลูกค้าต้องการให้มีเป็นอันดับแรก?
  3. ความแตกต่างจากระบบเดิม: อะไรคือความแตกต่างระหว่างการออกใบเสร็จด้วยมือและการใช้โปรแกรมนี้?
  4. ขั้นตอนปัจจุบัน: อธิบายขั้นตอนการทำงานปัจจุบันว่ามีความสะดวกหรือติดปัญหาตรงไหน?
  5. อุปสรรคในการเติบโต: อะไรคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจลูกค้าไม่เติบโตตามที่คาดหวัง?
  6. ประเมินประสิทธิภาพ: ลูกค้าวัดประสิทธิภาพอย่างไร และอยากให้โปรแกรมแก้ปัญหาในส่วนใด?
  7. ข้อกังวลการซื้อ: ส่วนไหนที่ลูกค้ายังกังวลในการตัดสินใจซื้อครั้งนี้?
  8. ข้อสงสัยในสินค้า: ลูกค้ามีข้อสงสัยหรือไม่มั่นใจในส่วนใดของผลิตภัณฑ์?
  9. เวลาในการออกใบเสร็จ: ลูกค้าใช้เวลากี่นาทีในการออกใบเสร็จด้วยมือ?
  10. จุดชอบ-ไม่ชอบ: อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าชอบและไม่ชอบในโปรแกรม?
  11. ข้อเสนอแนะการปรับปรุง: ลูกค้าอยากให้เราเปลี่ยนหรือแก้ไขส่วนไหนในโปรแกรม?
  12. ความคาดหวังจากผลิตภัณฑ์: ลูกค้าคาดหวังว่าโปรแกรมจะช่วยงานในส่วนไหนเป็นพิเศษ?
  13. กระบวนการตัดสินใจซื้อ: ลูกค้ามีกระบวนการอย่างไรในการตัดสินใจซื้อโปรแกรมนี้?
  14. ความไม่มั่นใจสุดท้าย: อะไรทำให้ลูกค้ายังกังวลและไม่มั่นใจในโปรแกรม? 

นักขาย: “ปัจจุบันคุณใช้โปรแกรมอะไรในการจัดการเอกสารบ้างครับ?”
ลูกค้า: “ผมใช้ Excel ครับ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่สะดวกเท่าไหร่”
นักขาย: “คุณเคยประสบปัญหาในการค้นหาเอกสารที่ต้องการไหมครับ?”
ลูกค้า: “ใช่ครับ บางทีก็หาไม่เจอ ทำให้เสียเวลาในการทำงาน”
นักขาย: “ปัญหาในการค้นหาเอกสารทำให้เสียเวลาในการทำงานไปมากน้อยแค่ไหนครับ?”
ลูกค้า: “เยอะมากครับ บางทีก็ต้องใช้เวลาทั้งวันในการค้นหาเอกสารสำคัญ”
นักขาย: “ถ้ามีระบบที่ช่วยให้คุณค้นหาเอกสารได้รวดเร็วขึ้น คุณจะสามารถประหยัดเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้นไหมครับ?”
ลูกค้า: “ได้แน่นอนครับ ผมจะได้มีเวลาไปโฟกัสงานที่สำคัญกว่า”

นักขาย: "ตอนฟังเรื่องนี้ครั้งแรก ผมเองก็ทั้งตื่นเต้นและกังวลมาก ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกกลัว เมื่อมีคนชวนให้ทำธุรกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมเลยคิดว่า ถ้าคุณได้ฟังเรื่องนี้ก็คงกังวลเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับเพราะมันต่างจากสิ่งที่คุณเคยทำมาตลอดแต่ถ้าคุณยังไม่พอใจกับชีวิตตอนนี้ลองคิดในแง่ดีดูสิครับว่าความกังวลนี้เท่ากับโอกาสที่คุณจะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆนะครับ  ความกังวลที่เกิดขึ้นเนี่ยไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมากหรอกนะครับ"

นักขาย :  “ช่วงนี้ไม่มีลูกค้าเลยใช่ไหมคะ ช่วงนี้ยอดขายน้อยเหรอคะ น่าเห็นใจมากเลยค่ะ คุณพี่น่าจะกังวลมาก เลยใช่ไหมคะ ถ้ามันเป็นอย่างนี้ต่อไปในหลายๆเดือนมันจะเป็นยังไงกับพี่เนาะ”

ตัวอย่างคำพูดที่ควรใช้และไม่ควรใช้ในการปิดการขาย

คำพูดที่ควรหลีกเลี่ยง

  • คำพูดที่แสดงการกดดัน:*
    • “ถ้าไม่ตัดสินใจตอนนี้ จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
    • “โปรโมชั่นนี้มีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย”
    • “คุณต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย”
  • คำพูดที่แสดงความไม่มั่นใจในสินค้า/บริการ:*
    • “ผม/ดิฉัน ไม่แน่ใจว่าบริการนี้จะเหมาะกับคุณหรือเปล่า”
    • “สินค้าของเราอาจจะไม่ดีเท่าของเจ้าอื่น”
  • คำพูดที่แสดงการดูถูกหรือละเลยลูกค้า:*
    • “คุณคงไม่มีงบประมาณพอสำหรับสินค้านี้”
    • “ผม/ดิฉัน ว่าคุณคงไม่เข้าใจหรอก”
  • คำพูดที่ไม่สุภาพหรือไม่ให้เกียรติ:*
    • “ตกลงจะซื้อเมื่อไหร่”
    • “ทำไมถึงยังไม่ตัดสินใจสักที”
  • คำพูดที่ไม่จริงใจ:*
    • “ผม/ดิฉัน จะให้ราคาพิเศษสำหรับคุณคนเดียวเท่านั้น”
    • “สินค้า/บริการของเราดีที่สุดในตลาด”

คำพูดที่ควรใช้แทน

  • คำพูดที่แสดงความเข้าใจและให้เกียรติลูกค้า:*
    • “ผม/ดิฉัน เข้าใจว่าคุณต้องการเวลาในการตัดสินใจ”
    • “ผม/ดิฉัน ยินดีให้ข้อมูลเพิ่มเติมหากคุณมีข้อสงสัย”
    • “ผม/ดิฉัน เชื่อว่าสินค้า/บริการของเราจะช่วยคุณได้”
  • คำพูดที่แสดงความมั่นใจในสินค้า/บริการ:*
    • “เรามั่นใจว่าบริการของเราจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้”
    • “เรามีลูกค้าที่ประสบความสำเร็จมากมายที่ใช้บริการของเรา”
  • คำพูดที่แสดงความจริงใจและพร้อมช่วยเหลือ:*
    • “ผม/ดิฉัน ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ”
    • “ผม/ดิฉัน มุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ”

หลักการสำคัญ

  • เน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: การใช้คำพูดที่แสดงความเข้าใจและให้เกียรติลูกค้า จะช่วยสร้างความไว้วางใจและความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์
  • นำเสนอคุณค่าของสินค้า/บริการอย่างชัดเจน: อธิบายถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้สินค้า/บริการของเรา โดยเน้นที่ความต้องการและปัญหาของลูกค้า
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน: เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
  • เปิดโอกาสให้ลูกค้าสอบถามและแสดงความคิดเห็น: เพื่อแสดงความใส่ใจและพร้อมที่จะช่วยเหลือลูกค้า

ตัวอย่างการปรับคำพูด

  • แทนที่จะพูดว่า: “คุณต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย”

     

  • ควรพูดว่า: “ผม/ดิฉัน เข้าใจว่าคุณต้องการเวลาในการตัดสินใจ หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยนะครับ/คะ”

     

  • แทนที่จะพูดว่า: “สินค้าของเราดีที่สุดในตลาด”

     

  • ควรพูดว่า: “สินค้าของเราได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในด้าน… โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ….

สรุป

การเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมในการปิดการขาย เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความประทับใจและความไว้วางใจให้กับลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด

6 เหตุผลที่ลูกค้าอาจลังเลไม่ตัดสินใจซื้อ

1. ลูกค้าไม่เชื่อใจคุณ

  • ปัญหา: ลูกค้าไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูด พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณนำเสนอไม่น่าจะเป็นจริง ทำให้พวกเขาไม่สนใจฟังสิ่งที่คุณพูด
  • วิธีแก้ไข:*
    • สร้างความน่าเชื่อถือ: ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณคือมืออาชีพตัวจริง หรือผู้เชี่ยวชาญในสินค้าหรือบริการที่นำเสนอ
    • สร้างความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน: ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เป็นพวกเดียวกับเขา และคำแนะนำของคุณมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ของลูกค้า

2. คุณยังไม่เข้าใจปัญหาที่แท้จริงของลูกค้า

  • ปัญหา: คุณยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือปัญหาหรือความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า
  • วิธีแก้ไข:*
    • ค้นหาความต้องการที่แท้จริง: พยายามทำความเข้าใจว่าอะไรคือเหตุผลที่ลูกค้าต้องการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ ยกตัวอย่างเช่น การซื้อรถยนต์ ลูกค้าแต่ละคนมีเหตุผลที่แตกต่างกัน ดังนั้นการนำเสนอของคุณก็ควรแตกต่างกันไปตามเหตุผลของลูกค้าแต่ละคน

3. ลูกค้าไม่ตอบคำถามคุณอย่างตรงไปตรงมา

  • ปัญหา: เมื่อคุณถามคำถามลูกค้า แต่พวกเขาไม่ตอบคำถามของคุณอย่างตรงไปตรงมา
  • วิธีแก้ไข:*
    • สร้างความเชื่อใจ: ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณอยู่ฝั่งเดียวกับเขา และคุณต้องการช่วยเหลือพวกเขาจริงๆ เมื่อลูกค้ารู้สึกเชื่อใจ พวกเขาจะเปิดใจและตอบคำถามของคุณอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น

4. การนำเสนอทางแก้ยังไม่โดนใจ

ถึงแม้คุณจะเข้าใจปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า แต่การนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาหรือประโยชน์ของสินค้าของคุณอาจยังไม่ตรงจุด ลูกค้าอาจยังไม่เข้าใจว่าสินค้าของคุณจะช่วยแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้อย่างไร หรือไม่เชื่อมั่นว่าสินค้าของคุณมีคุณภาพจริง

วิธีแก้ไข:

  • เน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ: อธิบายอย่างชัดเจนว่าสินค้าของคุณจะช่วยให้ลูกค้าแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง และพวกเขาจะได้รับประโยชน์อะไรจากสินค้าของคุณ

  • ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย: หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะทางที่ลูกค้าอาจไม่เข้าใจ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา

  • ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ลูกค้าอาจเจอ และอธิบายว่าสินค้าของคุณจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร

  • สร้างความน่าเชื่อถือ: แสดงหลักฐานหรือรีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้สินค้าของคุณแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า

5. ลูกค้ารู้สึกว่าราคาสินค้าแพงหรือไม่คุ้มค่า

ลูกค้าอาจรู้สึกว่าสินค้าของคุณมีราคาสูงเกินไป เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ หรืออาจไม่เข้าใจว่าทำไมสินค้าของคุณถึงมีราคาสูง

วิธีแก้ไข:

  • อธิบายคุณค่าของสินค้า: แจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพของวัสดุที่ใช้ กระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน หรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงคุณค่าของสินค้า

  • เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: เปรียบเทียบสินค้าของคุณกับสินค้าของคู่แข่งในด้านคุณภาพและราคา เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าของคุณมีความคุ้มค่ามากกว่า

  • เสนอทางเลือก: หากลูกค้ามีงบประมาณจำกัด อาจเสนอทางเลือกอื่นๆ เช่น สินค้าที่มีขนาดเล็กลง หรือสินค้าที่ไม่มีคุณสมบัติบางอย่าง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับงบประมาณของพวกเขาได้

6. ลูกค้ารู้สึกว่าคุณอยากขายมากเกินไป

เมื่อลูกค้าสัมผัสได้ว่าคุณต้องการขายสินค้ามากเกินไป พวกเขาอาจรู้สึกไม่สบายใจและระแวงว่าคุณกำลังพยายามเอาเปรียบเขา ลูกค้าอาจรู้สึกว่าคุณไม่ได้สนใจความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง

วิธีแก้ไข:

  • ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า: สอบถามความต้องการของลูกค้าอย่างตั้งใจ และนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา

  • อย่ากดดันลูกค้า: ให้เวลาลูกค้าตัดสินใจ และอย่าพยายามเร่งรัดให้พวกเขาซื้อสินค้า

  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: พูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขา

  • แสดงความจริงใจ: แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณมีความจริงใจในการช่วยเหลือพวกเขา และไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่การขายสินค้า

สรุป

การเข้าใจเหตุผลที่ลูกค้าลังเล ไม่ตัดสินใจซื้อ จะช่วยให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์การขายและนำเสนอสินค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น คุณต้องสร้างความเชื่อใจกับลูกค้า ทำความเข้าใจปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณอยู่ฝั่งเดียวกับเขา หากคุณทำได้ตามนี้ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน

สอบถามปัญหา
ส่งข้อความสอบถามด้านล่าง

ที่อยู่ :

139 ม.5 ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม 44130
Tel: 094-952-9562 Line id: 9562opad